ประเด็นร้อนในโลกออนไลน์วันนี้ชาวโซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก #Theicon หรือ #ดิไอคอน หลังพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังเตรียมแฉ กรณีดาราดังระดับตัวท็อปร่วมเป็นผู้บริหารบริษัทและเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถูกระบุว่าเข้าข่ายหลอกลวงลงทุน ด้วยการเชิญชวนมาเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ จากนั้นโน้มน้าวให้ขายสินค้าต่อ ล่าสุดมีผู้เสียหายออกมาแสดงตัวหลายราย คาดว่ามูลค่าความเสียหายคงมีจำนวนไม่น้อย
บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (THE iCON GROUP) บริษัทสอนทำธุรกิจออนไลน์ ที่ก่อตั้งโดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือที่เรียกกันในนาม บอสพอล เจ้าของวลีเด็ด “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ที่มีผู้บริหารคนสำคัญเป็นคนในวงการบันเทิงที่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คือ นายกันต์ กันตถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี (มิน) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี (แซม) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีพรีเซนเตอร์ที่เป็นดาราชื่อดังอีกหลายราย
โดยข้อมูลจาก THE ICON GROUP ระบุว่า เป็นธุรกิจขายของออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศไทย ที่ใช้ระบบดร๊อปชิพ ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องแพคสินค้า ไม่ต้องออกไปส่งของเอง และสามารถซื้อขายผ่านมือถือเพียงเครื่องเดียวด้วยระบบ e-payment gateway ภายใต้สินค้า BOOM ซึ่งมีสินค้าอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาทิ BOOm Collegen BOOM toothpaste iCON Face serum นอกจากนี้ ยังมีระบบสอนขายของออนไลน์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นมืออาชีพ
ซึ่งกลยุทธ์การตลาดของทางบริษัทมีการจ้างดารา-คนดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ ลงโฆษณาตามช่องสื่อหลัก พร้อมโชว์ยอดขายและความสำเร็จผ่านการโชว์รถหรูซุปเปอร์คาร์เพิ่มความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างตัวแทน-โค้ช ที่สามารถทำยอดจากการขายออนไลน์ จนได้เงินทองและรถหรูเป็นรางวัลเพียบ
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ออกมาให้ความเห็นในเคสนี้ผ่านรายการโทรทัศน์ว่า ลักษณะของธุรกิจเริ่มต้นด้วยโฆษณาชวนเชื่อ เก็บเงิน 89 บาท และยิงโฆษณา มีคนมาเป็นวิทยากรชักชวนจูงใจให้ซื้อของ และชวนให้เปิดบิล ให้ไปขายอ้างว่าสินค้าขายดี ใช้ดาราเป็นพรีเซนเตอร์สร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยเคสนี้คล้ายกับกรณี Forex-3D ที่ใช้ความเป็นดารามาเป็นผู้บริหาร และเป็นพรีเซนเตอร์ มาสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งในส่วนของดาราผู้ที่มีตำแหน่งในบริษัทนั้นก็ถือว่าร่วมกระบวนการ
เหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ไม่กลายเป็นประเด็นใหญ่ แม้จะผ่านมาแล้วหลายปี นายเดชา กล่าวว่า มาจาก 3 ปัจจัย คือ
- มีอิทธิพลทางสื่อ เท่าที่ทราบคือมีการจ่ายโฆษณาตามสถานีโทรทัศน์ช่องดัง รายการดัง ทำให้เห็นว่ามีอิทธิพลสื่อ ช่องไหนที่รับเงินไปก็ไม่กล้าแฉเพราะเป็นสปอนเซอร์
- เป็นคนในวงการบันเทิงด้วยกัน พวกเดียวกัน และ
- สคบ. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ. ขายตรง หน้าที่โดยตรงแต่ยังเฉย และยังไปมอบรางวัลให้ด้วย ส่วนตำรวจเป็นปลายทาง ต้องเริ่มจาก สคบ. ไปแจ้งความก่อน
ขณะที่โลกโซเชียลมีการคอมเมนต์ในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง โดยตั้งข้อสงสัยว่าป็นการหลอกมาร่วมทำธุรกิจขายฝันหรือไม่ เพราะ โมเดลธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ลูกข่าย แม่ข่ายอาหารเสริม ขายคอร์ส ใช้ดาราดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ เป็นโมเดลที่คุ้นเคยและใช้กันอย่างหลากหลาย เพราะคนไทยเชื่อถือคนดังและภาพความมั่งคั่งร่ำรวย พร้อมทั้งถามหาความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย