จบลงไปแล้วสำหรับละครแฟนตาซีย้อนยุค "พรหมลิขิต" ที่เป็นละครภาคต่อของเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม จนทำให้ในทุกๆ ครั้งที่ออกอากาศ แฮชแท็ก #พรหมลิขิต ของทุกอีพี มักขึ้นเทรนด์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ในทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Google Trends แสดงให้เห็นว่า “พรหมลิขิต” ยังติดเทรนด์คำค้นหาบน Google ตั้งแต่ตอนแรกที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ต่อเนื่องมาจนถึง “พรหมลิขิต” ตอนจบที่ออกอากาศเมื่อคืนนี้ (18 ธันวาคม 2566) อีกด้วย
ซึ่งการพูดคุยของชาวโซเชียลเกี่ยวกับละครเรื่อง “พรหมลิขิต” ตลอดระยะเวลาของการออกกาศในช่วง 2 เดือนมานี้ มีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งความเกี่ยวข้องกันของตัวละคร (แผนผังตัวละคร), กระแสของนักแสดงในเรื่องทั้งบทนำและสมทบ, เรื่องราวในประวัติศาสตร์ของไทย, บุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์, เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ รวมทั้งเมนูอาหารไทยในเรื่อง และในอีกหลายๆ ประเด็น ล้วนแล้วแต่เป็นเป็นปัจจัยที่ทำให้ละครเรื่องนี้ ถูกพูดถึงบนสังคมออนไลน์ในทุกๆ ตอน จนมาถึงตอนจบ
#พรหมลิขิตตอนจบ คนดูบ่น
ต้องยอมรับว่า “พรหมลิขิต” เป็นละครกระแสดี มีผลต่อการท่องเที่ยวและกระตุ้นให้คนไทยเรียนรู้และค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในละคร แต่ในช่วงอีพีหลังๆ มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ค่อยถูกใจผู้ชม โดยเฉพาะตอนจบ ก็กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลจากบรรดาผู้ชมที่ออกมาวิจารณ์กันอย่างร้อนแรงที่ยังทำไม่ถึงใจคนดู โดยส่วนใหญ่งงกับเนื้อเรื่องในตอนจบ การตัดต่อที่รวบรัดจนดูไม่รู้เรื่อง การเฉลี่ยของเนื้อหาที่ไปอัดอยู่ที่ตอนสุดท้ายมากจนเกินไป เรียกได้ว่า คนดูบ่นกันจนทำให้ #พรหมลิขิตตอนจบ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงเช้าของวันนี้ (19 ธันวาคม 2566) กันเลยทีเดียว
ดูไปบ่นไปพาเรตติ้ง "พรหมลิขิตตอนจบ" ทั่วประเทศ 8.63
เพจเฟซบุ๊ก Ch3Thailand เปิดเผยข้อมูลจากนีลเส็น (Nielsen) “พรหมลิขิตตอนจบ” กวาดเรตติ้งทั่วประเทศไปได้ 8.63 และ มีสถิติการดูสดผ่านทางออนไลน์ 1.8 ล้านครั้ง โดยละครได้เรตติ้งรวมทั่วประเทศ 7.77 และเรตติ้งในพื้นที่กรุงเทพฯ 14.25