โซเชียลร่วมอาลัย "หมอกฤตไท" ติดแฮชแท็ก #หมอกฤตไท #สู้ดิวะ ทำขึ้นเทรนด์ทุกแพลตฟอร์ม ยกเรื่องราวหมอกฤตไทเป็นแรงบันดาลใจและส่งต่อเป็นพลังให้สังคม
การจากไปของหมอกฤตไท หรือ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและหนังสือ “สู้ดิวะ” ด้วยวัยเพียง 29 ปี ที่ต้องต่อสู้มะเร็งปอดระยะสุดท้ายมานานกว่า 1 ปี ซึ่งเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) คุณพ่อของคุณหมอกฤตไท ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแจ้งข่าวการจากไปของคุณหมอ เมื่อเวลา 10.59 น. พร้อมข้อความว่า “เดินทางปลอดภัยครับ ลูกชาย #สู้ดิวะ” ทำให้ชาวโซเชียลต่างพากันเข้าไปแสดงความเสียใจกับครอบครัวทั้งในเฟซบุ๊กและบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) จนแฮชแท็ก #สู้ดิวะ และ #หมอกฤตไท พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ในไทย
ล่าสุด แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ” โพสต์ถึงความตั้งใจของคุณหมอกฤตไทในการสร้างเพจ “สู้ดิวะ” ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแนวคิดต่างๆ ที่ได้ตกตะกอนในช่วงที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับสังคมเกินกว่าที่หมอไทและกลุ่มเพื่อนที่เป็นแอดมินหวังเอาไว้มาก เพราะหลายคนได้มีโอกาสทบทวนแนวทางการดำเนินชีวิต และหลายคนมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากการที่ได้อ่านโพสต์ของคุณหมอกฤตไท
เพจสู้ดิวะ โพสต์บทส่งท้าย "หมอกฤตไท"
แอดมินเพจ “สู้ดิวะ” ยังโพสต์ “บทส่งท้าย จากคุณหมอกฤตไท” ที่มีข้อคิดดี ๆ โดยท่อนหนึ่งระบุว่า “ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”
และถ้าอ่านโพสต์นี้จนจบ ทุกคนน่าจะได้แรงบันดาลใจและแง่มุมในการใช้ชีวิตจากคุณหมอกฤตไท ที่ย้ำให้ทุกคนใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า และให้มีความสุขไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กับผู้คนที่อยู่ตรงหน้า มีความสุขในขณะนั้น และมองเรื่องราวทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตว่าเป็นของขวัญ
โพสต์นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคมออนไลน์ โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและร่วมอาลัยมากกว่า 29K และมีคนแชร์กว่า 127K
เพจ "สู้ดิวะ" สร้างสังคมตื่นรู้ด้าน PM2.5
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องราวของหมอกฤตไท ทำให้สังคมตื่นรู้เรื่องพิษร้ายของฝุ่น PM2.5 และเป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอด ซึ่ง ณ วันนี้สถานการณ์ฝุ่นควัน PM2.5 ก็ยังไม่มีทีท่าจะหมดไปเร็ว ๆ นี้
ก่อนหน้านี้ เพจสู้ดิวะ ก็เคยออกมาโพสต์ตั้งคำถามถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่า “เราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจจริงๆ เหรอ ?” ทำไมประชาชนต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอก พร้อมกับตั้งคำถามเชิงโครงสร้างว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่รัฐควรจะจัดลำดับและให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศที่ประชาชนใช้หายใจกันอยู่ทุกวัน”
ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดแล้ว
ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. โดยมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดกลไกในการบริหารจัดการและควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ โดยได้กำหนดให้มีคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนเชิงนโยบายและเชิงวิชาการ และการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ กำหนดมาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดที่ครอบคลุมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษทุกรูปแบบ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เกษตรกรรม การคมนาคมและขนส่ง การเผาในที่โล่ง การเผาป่า การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม การก่อสร้าง หมอกควันข้ามแดน
นายกฯ ร่วมโพสต์แสดงความเสียใจหมอกฤตไท
หลังจากการจากไปของหมอกฤตไท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์แสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณหมอบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) และ ยอมรับว่าปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย ที่พรากชีวิตคนที่เรารักไปก่อนเวลาอันสมควร ดังนั้น “ผมจะสู้ให้เต็มที่ ร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพราะอากาศสะอาดต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเราทุกคน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณหมอกฤตไทอีกครั้งครับ”
อ้างอิง: เพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ”