โซเชียลส่งกำลังใจให้หมอกฤตไท หรือ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของเพจสู้ดิวะ นายแพทย์หนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเมื่อ 3 วันก่อนออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน อาจจะถึงประมาณช่วงกลางเดือนหน้า
หลังจากโพสต์นี้ออกมา ผู้คนบนสังคมออนไลน์ต่างเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอกฤตไทกันอย่างล้นหลาม ทั้งให้ สู้ๆ เป็นกำลังใจ อวยพรให้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข และหลายคนอยากให้เกิดปาฏิหาริย์
และวันนี้เรื่องราว หมอกฤตไท เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อเพจสู้ดิวะ ได้แชร์คลิปวิดีโองานแต่งงานของหมอกับคุณพีม ภรรยา ที่ออกมาเปิดใจว่า “…ไม่ว่าเรื่องมันจะจบยังไง ตอนนี้โชคดีที่สุดแล้วค่ะ” และเรื่องเล่าเช้านี้ได้นำเสนอเรื่องราวดังกล่าวในรายการจนเป็นกระแสพูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง
หมอกฤตไท เป็นที่รู้จักบนโลกโซเชียลมีเดียตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2565 หลังจากคุณหมอออกมาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และ เพจสู้ดิวะ ทำให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างบนสังคมออนไลน์ สร้างพลังใจให้ผู้คนมากมาย ทัศนคติในการใช้ชีวิตหลังเผชิญหน้ากับโรคร้ายแรง ด้วย Profile อายุยังน้อยเพียง 28 ปี ก่อนตรวจพบโรคร้ายแรงก็มีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ และขณะเล่าเรื่องเพิ่งได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นช่วงวัยที่กำลังมีอนาคต..
ฝุ่น PM2.5 ตัวการร้าย ที่ยังอยู่คู่สังคมไทย
เกือบครบปีแล้วที่สังคมรับรู้เรื่องราวของหมอกฤตไท ท่ามกลางความตื่นรู้เรื่องพิษร้ายของฝุ่น PM2.5 เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องฝุ่นควันในเชียงใหม่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอด และเป็นสถานการณ์ที่มีแต่จะหนักขึ้นและยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งยังไม่มีมาตรการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังจากภาครัฐ
ก่อนหน้านี้ เพจสู้ดิวะ ก็เคยออกมาโพสต์ตั้งคำถามถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่า “เราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจจริงๆ เหรอ ?” ทำไมประชาชนต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอก พร้อมกับตั้งคำถามเชิงโครงสร้างว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่รัฐควรจะจัดลำดับและให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศที่ประชาชนใช้หายใจกันอยู่ทุกวัน”
อ้างอิงข้อมูล: เฟซบุ๊กเพจสู้ดิวะ, เฟซบุ๊ก krittai tanasombutkul